AI-oon เป็นแชทบอท (Chatbot) บน Line Application สร้างโดยน้องมะเหมี่ยว นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา นักเรียนของ Beyond Code Academy
น้อง AI-Oon (ไออุ่น) ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อหวังให้เป็นแอพพลิเคชั่นช่วยให้ทุก ๆ คนมีสุขภาพจิตที่ดีขึ้น เนื่องด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 และสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน หลาย ๆ คนทุกช่วงอายุจึงมีแนวโน้มของปัญหาความเครียด วิตกกังวล หรือมีภาวะซึมเศร้าเพิ่มมากขึ้น
กว่าจะมาเป็นน้องไออุ่น
น้องไออุ่นถูกพัฒนาบนพื้นฐานของงานวิจัยด้านจิตวิทยาและความเข้าใจถึงปัญหาของคนที่มีภาวะความเครียด โดยน้องมะเหมี่ยวได้ใช้กระบวนการคิดเชิงออกแบบ (Design Thinking) ที่เป็นกระบวนการจาก d.school ของมหาวิทยาลัย Stanford มาใช้พัฒนาน้องไออุ่นเพื่อให้เป็นแชตบอตที่เข้าใจปัญหาของผู้ใช้งานอย่างแท้จริง
ก่อนการเริ่มเขียนโค้ด น้องมะเหมี่ยวได้สัมภาษณ์กับกลุ่มผู้ใช้งานเพื่อเข้าใจถึงปัญหาในเชิงลึก หรือที่เรียกว่า Emphathy หลังจากได้รับฟังปัญหาแล้ว น้องมะเหมี่ยวจึงได้รวบรวม คิดวิเคราะห์จากหลากหลายแง่มุม จนนำมาซึ่ง Problem Statement เพื่อนำไปสู่การแก้ปัญหาต่อไป
หลังจากที่เราทราบถึงปัญหาและเข้าใจแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือ Ideate ที่จะต้องคิดถึงวิธีการให้การแก้ไขปัญหา ซึ่งวิธีการแก้ไขปัญหานั้นมีหลากหลายวิธีทั้งการสร้างเว็บไซด์ แอพลิเคชั่น รวมไปถึงแชตบอต เราต้องมาคิดว่าวิธีการไหนที่เหมาะสมที่จะนำมาแก้ไขปัญหา แชตบอตได้ถูกยกขึ้นมาเป็นวิธีในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวด้วยโจทย์ที่ว่า
“เราจะทำอย่างไรให้คนเข้าถึงน้องไออุ่นได้มากที่สุดและง่ายที่สุด”
อย่างที่หลาย ๆ ท่านทราบกัน Line เป็นแพลตฟอร์มที่ใช้กันอยู่แพร่หลายและใช้งานง่ายเนื่องจากเป็นแอพลิเคชั่นที่คนไทยคุ้นชิน น้องมะเหมี่ยวจึงเลือกที่จะพัฒนาแชตบอตบน Line เพื่อทดลองว่าสิ่งที่คิดจะสามารถช่วยแก้ปัญหาได้จริงหรือไม่
น้องไออุ่นช่วยแก้ปัญหาได้อย่างไร
ในเวอร์ชั่น Minimal Viable Product (MVP) นั่นน้องไออุ่นเลือกที่จะเริ่มพัฒนาฟีเจอร์ที่ทำให้ผู้ใช้งานเข้าใจในสภาพจิตใจของตนเอง (Self Awareness) ในแต่ละช่วงเวลา
น้องไออุ่นจะให้ผู้ใช้งานจดบันทึกอารมณ์ของตนเองและกิจกรรมที่เพึ่งทำในแต่ละวัน วันละ 3 ครั้ง โดยเลือกคำพูดที่ใช้จะเป็นคำพูดที่เป็นมิตรใเพื่อให้ผู้ใช้งานรู้สึกว่าน้องไออุ่นเป็นพื้นที่ปลอดภัย (safe zone) เปรียบเสมือนเพื่อนที่สามารถปรึษาได้เวลามีเรื่องที่ทำให้ไม่สบายใจ
หลังจากที่มีการบันทึกอารมณ์ของตนเองแล้ว ผู้ใช้งานยังสามารถดูกราฟแสดงอารมณ์ย้อนหลังได้ ภายในกราฟจะแสดงให้เห็นถึงสภาพอารมณ์ในแต่ละช่วงเวลาและยังแสดงให้เห็นได้อีกว่าผู้ใช้งานทำกิจกรรมอะไรที่ส่งผลถึงสภาพอารมณ์นั้น ๆ
Data เบื้องหลังการพัฒนาน้องไออุ่น
ไม่เพียงแต่น้องไออุ่นจะถูกพัฒนาด้วยเทคโนโลยี Artificial Intelligence (AI) เบื้องหลังการวิเคราะห์และพัฒนาฟีเจอร์ต่าง ๆ data ยังมีส่วนสำคัญในการตัดสินใจว่าอะไรที่ทำไปแล้วจะทำให้ผู้ใช้งานหลงรักในผลิตภัณท์เรามากขึ้น และอะไรที่ทำให้ผู้ใช้งานอาจจะไม่ชอบ ตัวอย่าง ตัวชี้วัด (metric)ที่ใช้ในการวัดผลความสำเร็จในแต่ละฟีเจอร์ เช่น จำนวนผู้ใช้งาน (active users) โดยดูจากการใช้งานต่อเนื่อง 7 วัน
Technology Stack เบื้องหลังน้องไออุ่น
ภาษาหลักที่ใช้ในส่วนของ Back End เพื่อพัฒนาน้องไออุ่น (AI-oon) นั้นคือภาษา Python นอกจากการสร้าง API รองรับการทำงานและเชื่อมต่อกับ Line แล้ว น้องไออุ่นยังมีการเชื่อมต่อกับ AI Model เพื่อเข้าใจภาษามนุษย์ หรือ Natural Language Understanding
ในส่วนของ Front End นั้นน้องไออุ่นใช้ Vue Framework ในการพัฒนา และ เพื่อประสบการณ์แบบไร้รอยต่อให้กับผู้ใช้งานบน Line น้องไออุ่นยังมีการใช้ LINE Front-end Framework (LIFF) ทำให้สามารถส่งข้อมูลระหว่าง Chat และ Website ได้อย่างราบรื่นและสร้างประสบการณ์ที่ดีกับผู้ใช้งาน
Infrastructure Technology ทั้งหมดในถูกดีไซน์ให้รองรับการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ใช้งานในอนาคตโดยโค้ดทุกส่วนนั้นถูก Deploy อยู่บน Cloud Technology อย่าง Google Cloud และยังมีการเลือกใช้การออกแบบซอฟแวร์แบบ Micro Service ซึ่งมีผลดีทั้งในแง่ของการรองรับจำนวนผู้ใช้งานและความยืดหยุ่นในการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ๆได้อย่างรวดเร็ว
Beyond Code Academy กับการสร้าง Technology ที่สร้าง Impact ให้กับสังคม
น้อง AI-oon เป็นหนึ่งในตัวอย่างจากน้อง Beyond Kids ของเรา นอกจากการสอนcodingแล้ว เรายังสนับสนุนให้นักเรียนของเราทำโปรเจ็กที่เอื้อประโยชน์ (impact) ต่อสังคม เราเชื่อว่าเทคโนโลยีเป็นกลไกหนึ่งในสังคมที่จะช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของทุก ๆ คน คุณครูของเราเน้นย้ำกับน้อง ๆ ในทุก ๆ คลาสว่า
“สิ่งที่เราสร้างขึ้นมาต้องพัฒนาสังคม ชุมชน ทุกๆคนต้องเข้าถึงเทคโนโลยีได้”
Inclusive and Impactful Technology คือ สิ่งที่เราอยากสอนน้องๆมากกว่าเพียงแค่เป็นนักสร้าง
สามารถติดตามน้องAI-oonได้ที่
หรือ add line
Kommentit