สร้างพลังแห่งการคิดแต่วัยเยาว์ด้วย Computational Thinking จะเจอกี่ปัญหาก็ฝ่าไปได้
Computational Thinking ได้ถูกบรรจุอยู่ในหลักสูตรการเรียนรู้ในประเทศที่พัฒนาแล้วแทบจะทุกแห่งทั่วโลกก็ว่าได้ รวมถึงประเทศไทยเองกระทรวงศึกษาธิการก็ได้บรรจุรูปแบบการเรียนรู้แบบ Computational Thinking ไว้ตั้งแต่ระดับอนุบาลอีกด้วย เพราะการที่เด็กๆ มีความสามารถและมีทักษะชนิดนี้จะช่วยเสริมในการพัฒนาสติปัญญา และระบบการคิดวิเคราะห์ รวมไปถึงการแก้ไขปัญหาด้วยตนเองได้อีกด้วย
Computational Thinking คืออะไร?
ถ้าแปลอย่างตรงตัว Computational Thinking ก็อาจจะหมายถึง การคิดเชิงคำนวณ แต่ถ้ามองให้ลึกซึ้งนั้น Computational Thinking ถือเป็นการสร้าง mindsets หรือ thought process ในการคิดเชิงวิเคราะห์ขั้นพื้นฐานที่ขาดไม่ได้ ไม่ว่าอนาคตลูกรักของคุณจะประกอบอาชีพอะไร อยากจะเป็นนักวิทยาศาสตร์ โปรแกรมเมอร์ คุณหมอ ทนายความ นักบัญชี หรือแม้แต่ทำธุรกิจค้าขาย ถ้าหากเขามี mindsets และระบบการคิดที่ได้รับการพัฒนาในด้าน Computational Thinking แล้วละก็ บอกได้เลยว่าทักษะนี้จะช่วยให้เขาสามารถฟันฝ่าอุปสรรคและเติบโตได้อย่างมีคุณภาพ ที่สำคัญจะคอยช่วยให้เขาสามารถแก้ปัญหา และยืนหยัดต่อสู้ปัญหาได้ด้วยตนเองได้อย่างภาคภูมิใจอีกด้วย
Computational Thinking เป็นการคิดวิเคราะห์ปัญหา (Problem-solving) ขั้นพื้นฐาน โดยอาศัยความคิดสร้างสรรค์ ตรรกะ และการแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อน ที่ใช้กระบวนการคิดเชิงคำนวณเข้ามาช่วย ซึ่งวิธีนี้เราทุกคนสามารถพัฒนาได้ หากได้รับโอกาสในการเรียนรู้ และเลือกใช้วิธีการที่เหมาะสม ที่น่าสนใจไปกว่านั้นคือ ดอกเตอร์ Jeannette M. Wing ซึ่งเป็น Corporate Vice President ของ Microsoft Research และเป็น President ของคณะ Computer Science ที่มหาวิทยาลัย Carnegie Mellon ได้ให้แง่คิดไว้ว่า การคิดเชิงคำนวณเป็นทักษะพื้นฐานสำหรับทุกคน ดังนั้นไม่ว่าเราจะอ่านเขียนและคิดคำนวณ หรือทำอะไรก็ตาม เราควรเพิ่มทักษะ Computational Thinking เข้าไปช่วยในกระบวนการคิดเพื่อที่จะได้พัฒนาความสามารถในการวิเคราะห์ได้อย่างประสิทธิภาพมากขึ้น
Computation Thinking ที่แฝงอยู่ในชีวิตจริงของเราทุกคน
หลายคนอาจจะคิดว่าเป็นเรื่องที่ไกลตัว หรืออาจจะยังนึกไม่ออกว่าทักษะอย่าง Computational Thinking ที่เราได้เกริ่นไว้ตอนต้นว่าสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการประกอบอาชีพได้หลากหลายนั้น สามารถทำได้อย่างไร? ซึ่งข้อมูลจากเว็บไซต์ computationalthinking.org ได้อธิบายไว้อย่างเข้าใจง่ายว่า Computational Thinking ทักษะนี้ช่วยทำให้เราใช้ความคิดในการตัดสินใจและการจัดการเรื่องต่างๆ ตามภารกิจหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นวิธีที่ช่วยสร้างทางเลือกในการแก้ไขปัญหาในหลากหลายทิศทาง รวมถึงช่วยส่งเสริมการคิดในแง่กลยุทธ์ต่างๆ ที่นำมาปรับใช้ในหน้าที่การงาน รวมไปถึงชีวิตประจำวันให้เกิดประโยชน์ เพราะปัจจุบันมีการแข่งขันสูงมาก ยิ่งเราใช้ทักษะการคิดได้อย่างมีตรรกะ และมีระบบก็จะช่วยเพิ่มความสามารถในการทำงานและการตัดสินใจได้ดีขึ้น
ตัวอย่างการประยุกต์ใช้ Computational Thinking ในสายงานต่างๆ
วิศวกรรม: การประยุกต์ใช้ Computational Thinking ในแง่วิศวกรรมนั้นมีประโยชน์ในหลากหลายขั้นตอนเลย เช่น การสร้างประสิทธิภาพให้กับกระบวนการผลิต การออกแบบและสร้างนวัตกรรมใหม่ การลดต้นทุนและการสูญเสีย
การเงินและเศรษฐศาสตร์: สามารถใช้ Computational Thinking ได้ตั้งแต่การทำความเข้าใจพื้นฐานของตลาดทุนหรือตลาดหุ้น รวมถึงการวางแผนการลงทุนเพื่อให้เกิดผลกำไรสูงสุด
สื่อและศิลปะ: Computational Thinking สามารถช่วยให้จินตนาการในความคิดกลายเป็นจริงได้ อย่างเช่น การสร้าง Animation แห่งโลกการ์ตูน การออกแบบงานศิลปะแบบ 3 มิติ
การที่เด็กๆ มีโอกาสได้เรียน Coding ถือเป็นตัวขับเคลื่อนที่สำคัญในการพัฒนาทักษะอย่าง Computational Thinking ได้อย่างดีเยี่ยม เพราะการ Coding นั้นสร้างสีสัน สร้างจินตนาการและความสนุกสนานในการแก้ไขปัญหา ลดความเครียดและความจำเจ ซึ่งต่างจากการเรียนรู้ในบทเรียนทั่วไป และสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือ เด็กๆ จะได้เรียนรู้ในการแก้ไขปัญหาด้วยการคิดวิเคราะห์เชิงตรรกะ และทำงานเป็นทีมร่วมกับคนอื่นเพื่อแก้ไขปัญหา ซึ่งถือเป็นการส่งเสริม EQ (Emotional Intelligence) ได้อีกทางหนึ่ง ดังนั้นการเรียน Coding จึงมีประโยชน์และมีคุณค่ามหาศาลต่อการเจริญเติบโตทั้งทางปัญญาและจิตใจของลูกน้อยเลยทีเดียว
เสริมสร้างทักษะชีวิตให้กับลูกรักของคุณกับ Beyond Code Academy ซึ่งเป็นสถาบันที่มีความเชี่ยวชาญในการสอนผ่านการ Coding ตามแนวทาง Play Based Learning ซึ่งสามารถเสริมสร้างทักษะชีวิต และสอนการใช้เครื่องมือทางเทคโนโลยีให้กับเด็กๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมั่นใจได้ว่าหลักสูตร Coding ของเราถูกออกแบบโดยผู้เชี่ยวชาญซึ่งจบการศึกษาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ (Computer Engineer) จากมหาลัย top 5 ของโลก และเคยมีประสบการ์ณทำงานกับ Tech companies ชั้นนำ
โดยในแต่ละคลาสนั้นจัดเป็นคลาสเล็กๆ เพียง 4 – 6 คนเพื่อการดูแลอย่างทั่วถึง และเน้นการทำงานร่วมกัน รวมถึงนำเสนอบทเรียนผ่านกิจกรรมที่สนุกสนาน เหมาะกับเด็กวัยตั้งแต่ 4 ปีขึ้นไป ที่สำคัญคุณครูของเราได้ผ่านการอบรมทางด้านจิตวิทยาเด็ก (Psychology and Child Development course จาก Nanyang Technological University และ National Institute of Education) และมีความเชี่ยวชาญในการใช้เทคโนโลยีในการสอน โดยได้รับการรับรองเป็น Apple Teacher Swift Playgrounds Certificate และ Google Certified Educator Level 1 & 2 แล้วทุกท่าน มั่นใจได้ว่าเราพร้อมอย่างเต็มที่ในการช่วยพัฒนาให้เด็กๆ หัดใช้ทักษะชีวิตผ่านการ Coding ได้อย่างแท้จริง
Reference:
Comments